ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

ชัยชนะที่มากกว่าแค่สามคะแนน

อาร์เซนอล เริ่มต้นปี 2023 ด้วยชัยชนะและทำให้สถานการณ์พรีเมียร์ ลีกในช่วง 5 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไป ทุกอย่างอยู่ที่พวกเขาได้แบบเต็มตัว

 

     ไบร์ทตัน 2 – 4 อาร์เซนอล เกมนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ต้องบอกว่าจะเป็น “บทเรียน” สำคัญสำหรับทีมปืนใหญ่ หากพวกเขาต้องการมากกว่าแค่สิทธิ์การไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า

 

     อาร์เซนอล เจอกับ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ไม่เคยง่ายเลยสักครั้งในยุคของ มิเคล อาร์เตต้า และเกมล่าสุดในคาราบาว คัพ พวกเขาก็พ่ายคาบ้าน 3-1 ทำให้เกมนี้ไม่มีประมาท จัดทัพใหญ่ลงทำศึกต่อจากเกมที่แล้ว โดย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ลงมาแทนที่ของ คีแรน เทียร์นีย์ เพียงคนเดียว นอกนั้นชุดเดิมทั้งหมด

 

3-2-4-1 / 4-1-4-1 / 4-2-3-1 ความหลากหลายในการเล่นของอาร์เซนอล

ความหลากหลายในการเล่นของอาร์เซนอล

     ฤดูกาลนี้อาร์เซนอลจัดทัพได้ค่อนข้างลงตัวในเรื่องของ Squad Depth กับจำนวนผู้เล่นที่มีอยู่ในทีม สัดส่วนของผู้เล่นค่อนข้างดี อ้างอิงจากแผนการเล่น อาการบาดเจ็บของ รีส เนลสัน, เอมิล สมิธ โรว์ และ กาเบรียล เฆซุส ส่งผลกับทีมในแง่ของจำนวน แต่ไม่กระทบในแง่ของตัวตายตัวแทนรุนแรง ยังมีตัวลงแทนที่ได้อยู่ ส่วนสำคัญคือ อาร์เซนอล กับเรื่องของความหลากหลาย (Versatile) ตรงนี้ทำได้ดี ผู้เล่นหลายคนเล่นได้หลายตำแหน่ง และในหลายแท็คติก ที่เห็นชัดที่สุดคือแนวรับกับการเล่น Invert Full Back หรือการที่แนวรุกด้านบนมีการเคลื่อนที่สลับไปมาตลอดเกม เป็นต้น

 

     การซ้อมแผนการเล่น การยืนตำแหน่ง และการปรับตำแหน่งการใช้งานนักเตะจึงมีส่วนอย่างมากที่ทำให้อาร์เซนอลสามารถยืนระยะได้ ตัวสำรองในทีมอย่าง ฟาบิโอ วิเอร่า ลงเล่นได้ในทุกตำแหน่งในเกมรุกด้านบน หรือ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ก็พิสูจน์แล้วว่า เกมรับขาดแค่เป็นนายทวารเท่านั้นที่เคยไม่ให้ลอง นอกนั้นเขาผ่านการเล่นมาหมดแล้ว เมื่อทั้งสองส่วนนี้มารวมกัน อาร์เซนอล สามารถปรับความยืดหยุ่นตรงนี้ได้ค่อนข้างเยอะ อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ของ มิเคล อาร์เตต้า ที่ระบุว่าทุกเกมที่ลงเล่นเป้าหมายคือเพื่อชัยชนะ ดังนั้นการมาถึงชัยชนะก็รวมถึงการศึกษาข้อมูลการเล่นของคู่แข่ง ปรับแผนการเล่น ที่ยิ่งนักเตะเข้าใจระบบมากเท่าไรก็ยิ่งดี

 

การครองเกมในครึ่งแรก

 

     อาร์เซนอลมี “Perfect Start” อย่างมากในเกมนี้ เพลย์แรกที่เล่นเกมรุกก็สามารถเบิกสกอร์แรกได้แล้วจากจังหวะบอลทะลักมาเข้าทาง บูคาโย่ ซาก้า ยิงเข้าไปตั้งแต่สองนาทีแรก และ ไบร์ทตัน ยังตั้งเกมของตัวเองไม่ถนัดเท่าไรนัก กว่าจะลงตัวก็เกินครึ่งทางครึ่งแรกไปแล้ว และอาร์เซนอล ยังทำได้ดีกว่าเมื่อมาใส่สกอร์ประตูที่สองได้ ก่อนที่ลงเล่นครึ่งหลังอีกสองนาทีประตูที่สามก็มาถึง เรียกว่าจังหวะเวลาทุกอย่างของอาร์เซนอล ได้ประตูมาในแบบตามตำราเลยทั้ง “ต้นเกม ท้ายครึ่งแรก และต้นครึ่งหลัง” ทั้งหมด ทำให้อาร์เซนอลเจองานที่สบาย และมันจะควรเป็นแบบนั้น ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอกับทีมอย่างไบร์ทตัน

 

นกนางนวล…ผู้ไม่ยอมแพ้

 

     ไบร์ทตัน ของ โรเบร์โต้ เดอ แซรบี้ อาจจะทำงานร่วมกับทีมเพียงไม่กี่เดือน แต่ก็ยังรักษามาตรฐานของการเล่นในบ้านได้ดี พวกเขาเกมนี้เป็นเกมที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติ ไม่มีสองกองกลางอย่าง ไคเซโด้ และ แมค อัลลิเตอร์ แต่ที่พวกเขาไม่พร่องเลยคือผู้เล่นในแนวรุกที่มีความคล่องตัวสูง ชื่อของ เลอันโดร ทรอตซาร์, ซอลลี่ มาร์ช, เฌเรมี่ ซาร์มิเอนโต้ และแน่นอนที่ขาดไม่ได้คือ คาโอรุ มิโตมะ นี่คือหนึ่งทีมที่เล่นกันได้ด้วยความเข้าใจระบบการเล่น รู้จักตัวตนของตัวเอง และพวกเขาไม่ยอมแพ้ แม้ต้องตามหลังไปก่อนถึง 3 ประตู

ความผิดพลาดของอาร์เซนอล และการฉกฉวยโอกาสของการสวนกลับทรงประสิทธิภาพ

     การเสียประตูทั้งสองประตูของอาร์เซนอลเป็นเรื่องของความผิดพลาดในการยืนตำแหน่งและเรื่องของ “Personal Error” ของผู้เล่นแนวรับอย่าง วิลเลี่ยม ซาลิบา ซึ่งเป็นเกมที่สองติดต่อกันที่เขามีส่วนกับการเสียประตู โดยเฉพาะประตูแรกเป็นเพลย์สวยงามและเป็นการเจาะเกมรับอาร์เซนอลได้อย่างแท้จริง ด้วยการเล่นบอลสั้นเพียง 3 จังหวะ การอ่านเกมและเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งกลายเป็นเหตุแห่งการเสียประตู

 

ประตูแรกของไบร์ทตัน : นาทีที่ 65 ไบร์ทตันมีการเติมเกมรุกอย่าง ซาร์มิเอนโต้ ลงมาแทนลัลลาน่า และเริ่มเพลย์ของการได้ประตูนี้

 

     บิลลี่ กิลมัวร์ ออกบอลเข้ามาตรงกลางผ่ากลาง ชาก้า – ปาเตย์ จังหวะนี้จะเห็นว่า ซาลิบา ตามตัว อีแวนส์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นกองหน้าตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมา  โทมิยาสุ ยืนคุมพื้นที่ของตัวเองที่ต้องเจอกับมิโตมะเพื่อนร่วมชาติ

 

     ปาสกาล กรอสส์ เป็นกองกลางที่ดันเกมขึ้นสูงขึ้นมาเป็นตัวเลือกในเกมรุก ที่มีช่องว่างระหว่าง ซาลิบา-โทมิยาสุ ที่ต่างมีภาระในการประกบผู้เล่นแนวรุก บอลมาถึงเขาพลิกตัวได้ โทมิยาสุ เลือกจะตามประกบเขาในฐานะคนครองบอล มิโตมะ กลายเป็นว่าง

 

     จังหวะนี้เราจะเห็นเลยว่ากองหลัง 3 คนของทีมเรากรูเข้าหากรอสส์ทั้งหมด ก่อนจะมาถึง มิโตมะซาก้า ที่ลงมาช่วยเกมรับไม่ได้อ่านเกมในส่วนนี้ เขาไม่ได้สปีดตามเข้าไปกดดันมิโตมะ ก่อนที่ กรอสส์ จะออกบอลมาถึงปีกทีมชาติญี่ปุ่น ซาก้า ถึงเพิ่งจะไหวตัวทัน แต่ก็ไม่ทันแล้ว มิโตมะได้แต่งบอลหนึ่งจังหวะยิงเข้าไป

 

     ในทางกลับกัน หากไบร์ทตันมีเพลย์สวยงามในการเจาะเกมรับในประตูตีไข่แตก อาร์เซนอล ก็มีเพลย์จังหวะสวนกลับที่สวยงามที่สุดประตูหนึ่งในฤดูกาลนี้ กับการออกจังหวะเดียวครึ่งสนามของ มาร์ติน เออเดการ์ด ที่ลากยากไปถึงมาร์ติเนลลี่ และกลายเป็นประตู

 

     ประตูที่ 4 ของอาร์เซนอล : การเล่นจังหวะสวนกลับจากการเก็บบอลสองของชาก้า ดึงรอจังหวะเล็กน้อย ก่อนออกบอลให้กับ เออเดการ์ด ตวัดตามน้ำทีเดียวหลุดถึงประตูของไบร์ทตัน ในจังหวะที่นักเตะไบร์ทตัน กำลังมองหาประตูที่สองและดันเกมลอยสูงขึ้นเกินครึ่งสนามเกือบทั้งทีม กลายเป็นเปิดพื้นที่ด้านหลัง

 

     มาร์ติเนลลี่ วัดความเร็วกับ ทาริค แลมตี้ หากดูจังหวะออกตัวถือว่าออกตัวในเวลาใกล้เคียงกัน แต่อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้ง “การจัดร่างกาย” และ “ท่วงท่า” ในการวิ่งมีผลต่อการเร่งความเร็วโดยตรง มาร์ติเนลลี่ จัดการตรงนี้ได้ดีกว่าแลมตี้ ที่ออกตัวและจัดร่างกายช้ากว่าปีกบราซิเลี่ยนเพียงวินาทีก็กลายเป็นช้ากว่าทันที ที่สำคัญที่สุดคือน้ำหนักและทิศทางบอลของเออเดการ์ด ลงตัวมากสำหรับมาร์ติเนลลี่ในการควบเข้าไป

 

     จังหวะถึงเขตโทษ มาร์ติเนลลี่ มีสองทางเลือกคือ ยิงเอง และส่งให้กับ ซาก้า ที่เติมขึ้นมาก็ได้ แต่เขาเลือกสังหารเอง ซึ่งมันอาจจะไม่สวยงามอะไรนัก เพราะยิงติดขาดของ โรเบิร์ต ซานเชส นายทวาร แต่มันก็ยังดีมากพอจะเข้าประตูไป ถ้าลูกนี้ไม่เข้าคงน่าเสียดาย แต่เมื่อเข้าไปนี่เป็นประตูที่สมบูรณ์แบบของการเล่นสวนกลับของทีมที่เกิดจากความเข้าใจในกันและกันผ่านการฝึกซ้อมมาหลายร้อยชั่วโมงร่วมกัน

 

     ช่วงท้ายเกม หลังการเสียประตูที่สองของอาร์เซนอลในช่วงท้าย 13 นาทีสุดท้าย ไบร์ทตัน ยังคงทำได้ดีในความพยายามที่เกือบจะได้ผลเมื่อพวกเขายิงประตูที่สามได้ แต่สุดท้าย VAR ก็ริบประตูคืนไปจากการล้ำหน้าของมิโตมะที่วันนี้โดดเด่นอย่างยิ่ง และทำให้สุดท้ายอาร์เซนอล ประคองตัวจบด้วยสามคะแนนในเกมนี้

เป้าหมายอยากกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง

มองกันในแง่ของผลการแข่งขันถือว่า อาร์เซนอลได้ตามเป้าหมาย แต่ถ้ามองในแง่ของรายละเอียดถือว่าพวกเขาได้บทเรียนไปเยอะมากไม่ว่าจะเป็น

 

     ปัญหาเรื่องของคุณภาพตัวสำรอง : อาร์เซนอล มีผู้เล่นที่หลากหลายก็จริง แต่ในแง่ของคุณภาพของตัวสำรองยังไม่เรียกว่าแกร่งทั่วแผ่น พวกเขายังมีข้อจำกัดที่ไม่ใช่เกิดจากเพียงแค่ “ขายตัวเก่า ซื้อตัวใหม่” แต่มันต้องเกิดจากการยกระดับทีมไปในเวลาเดียวกัน อาร์เซนอล ยังเป็นทีมที่ไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ เลย พวกเขามีโปรเจคต์งานที่ดีมาก แต่นั่นคือสิ่งที่มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้ และไม่ได้ถูกจารึกในเรื่องของผลงานในแง่ของแชมป์ คุณอาจมี 11 ผู้เล่นที่แข็งแกร่งได้ แต่ถ้าอยากมีผู้เล่นสำรองที่แกร่งไม่แพ้ตัวจริง เงินค่าเหนื่อยอาจไม่พอจะรั้งได้ แต่ต้องมาพร้อมเกียรติยศและชื่อเสียงด้วยในเวลาเดียวกัน มันเป็นสมดุลของวงการกีฬาอาชีพทั่วโลกที่ถึงตรงนี้ อาร์เซนอล อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่จะบอกได้ว่า อาร์เซนอล จะขึ้นมาเป็นแถวหน้าของวงการได้อีกครั้งหรือไม่

 

     การรักษามาตรฐานของตัวผู้เล่น : เรื่องของความสม่ำเสมอ (Consistency) เป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า คาดหวังจากผู้เล่นมากที่สุดเรื่องหนึ่งเขาไม่ได้คาดหวังถึงทีมที่จะต้องยิงถล่มทลายในทุกเกม แต่เขาคาดหวังถึงการสร้างสรรค์เกมรุกที่ลงตัว และแน่นอนเกมรับที่เสียประตูยาก สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้ คือความ “ผิดพลาด” ทั้งในแบบทีม และในแบบส่วนตัว ซึ่งจะเป็นบทเรียนได้ก็ต่อเมื่อ นักเตะและโค้ช “ไม่ปล่อยผ่าน” มันไปเพราะถือว่าทีมชนะ แต่จะเอามันไปให้ดูในสนามซ้อมและบอกว่าจะทำอย่างไรให้ไม่เกิดขึ้นอีก นี่คือสิ่งที่ทีมชั้นนำพึงกระทำหากอยากประสบความสำเร็จเหมือนที่ อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมนี้ได้อย่างน่าสนใจ

 

     “เมื่อผมเดินเข้าห้องแต่งตัวของทีม และผู้เล่นต่างพูดคุยกันว่าพวกเขาควรจะเล่นให้ดีกว่าเกมที่จบลง นั่นคือสิ่งที่ผมพอใจเพราะนั่นคือพวกเขาก็รู้ตัวว่าพวกเขาสามารถเล่นดียิ่งขึ้น และในการเจอกับนิวคาสเซิ่ล พวกเราจะดีขึ้นกว่านี้”

 

     ทีมที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก ไม่มีทีมไหนที่จะเล่นได้ดีตลอดทุกเกม แต่ในวันที่เล่นไม่ดี แต่ผลการแข่งขันยังได้ตามต้องการ และในวันที่เล่นได้ตามต้องการ ผลการแข่งขันก็ต้องได้พร้อมกับประสิทธิผลที่ยอดเยี่ยม นั่นคือเป้าหมายของอาร์เซนอลที่กำลังมองหาความสำเร็จที่พวกเขายังไม่เคยได้รับมาก่อน

 

     16 เกม 43 คะแนน กับการนำห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 คะแนน ในจำนวนเกมที่เท่ากัน จากเหตุการณ์หลุดเสมออีกครั้งของทีมสีฟ้าจากเมืองแมนเชสเตอร์ ส่งผลให้สถานการณ์ชัยชนะในวันนี้เป็นสามคะแนนที่ได้มากกว่าสามคะแนน เพราะมันคือการได้เห็น “ระยะห่าง” ของทั้งสองทีมไกลขึ้นไปกว่าเดิมอีกนิด

 

     พวกเขายังคงมีสองเกมที่ต้องพบกัน ซึ่งจะเป็นเกมสำคัญมากที่สุดของฤดูกาลนี้ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะสำหรับฝั่งแชมป์เก่าในปีที่พวกเขามี เออร์ลิ่ง เบร้าส์ ฮาแลนด์ ผู้ซึ่งยังคงยิงไม่พัก ซัดไม่มีแผ่วในฤดูกาลแรกในอังกฤษ จะเป็นเดิมพันครั้งสำคัญที่รอพวกเขาอยู่ แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นยังมีอีกหลายเกมต้องพิสูจน์กันว่า จากวันแรกที่เป้าหมายอยากกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ในวันสุดท้ายของฤดูกาลพวกเขาจะคว้าได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้แต่แรกหรือเปล่าเพราะมาถึงตรงนี้แค่นั้นมันน้อยไปเสียแล้วที่จะฝันถึง!

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้