ชื่อของ โอเลเรียง ชูอาเมนี่ (22 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในวงการฟุตบอลระดับหัวแถวของยุโรป หลังการก้าวมาเป็นตัวหลักของ อาแอส โมนาโก ได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียง 2 ปี นับจากย้ายมาร่วมงานด้วยกันในเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา
เด็กหนุ่มที่เกิดในเมือง รูเอน และกลายเป็นผลผลิตจากทีมเยาวชนของสโมสร ชิงรงแดงส์ เดอ บอร์กโดซ์ อีกหนึ่งสโมสรเก่าแก่ของประเทศ เขาใช้เวลา 9 ปีในทีมเยาวชน และทีมสำรองก่อนกลายมาเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 18 ปี และสองปีกับ บอร์กโดซ์ สร้างเขาให้กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองคนใหม่ของวงการฟุตบอล รุ่นเดียวกับ ฌูลส์ กุนเด้ (23 ปี) แนวรับรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ไปโด่งดังกับเซบีย่าใน ลา ลีกา สเปนแล้ว
“ผมกับ ฌูลส์ เราเล่นด้วยกันที่บอร์กโดซ์ มาวันนี้พวกเราย้ายทีมออกมา พร้อมกับสิ่งที่พวกเราไม่อยากจะเห็นเลยคือ บอร์กโดซ์ กำลังต่อสู้เพื่อการเอาตัวรอดในลีก เอิงฤดูกาลนี้ การตกชั้นของบอร์กโดซ์ เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเห็น พวกเราอยากเห็นพวกเขารอด มันคือความหวังของเรา แน่นอนถ้าเราไม่สมหวัง นั่นคือความเจ็บปวดของเราทั้งสองคน”
ชูอาเมนี่ ประเดิมสนามเกมแรกของเขากับ บอร์กโดซ์ ในเกมยูโรป้า ลีก ก่อนที่ต่อมาจะเริ่มได้ลงเล่นในลีก เอิง ที่เขายอมรับว่าเกมแรกในชีวิตของทีมชุดใหญ่ของเขาเป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืม เพราะมันคือเกมที่ต้องไปเล่นไกลถึงประเทศลัตเวีย กับการพบกับ เอฟเค เวนท์สปิล (บอร์กโดซ์ ชนะ 1-0)
“มันเป็นรอบคัดเลือกของยูโรป้า ลีก เราเล่นกันในลัตเวีย ผมหวังไว้ก่อนหน้านี้ว่าหากมีโอกาสประเดิมสนามเกมแรก ผมอยากลงเล่นในสนามที่เต็มไปด้วยผู้ชม สนามใหญ่ ๆ แฟนบอลเต็มความจุ หรือว่าการได้ลงเล่นในสนามเหย้าของบอร์กโดซ์ มันคงเป็นบรรยากาศที่สุดยอด แต่ในความจริงแล้ว เกมแรกของผมเอง เกิดขึ้นในวันที่ผู้ชมบางตามากจนบางทีเงียบไปหน่อย แต่ผมก็มีความทรงจำที่ดี เพราะเกมนั้นเราชนะ และผมเล่นได้ดี การที่ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ มันก็เหมือนกับการได้บอกว่าเราได้รับการยอมรับ และยกระดับการเล่นของตนเองขึ้นมาอีกขั้น”
“จากเด็กอายุเพียง 7-8 ปี ชิรงแดงส์ ค้นพบผมที่เล่นฟุตบอลในโรงเรียน และชวนผมมาลงซ้อมกับสโมสร แน่นอนผมสนใจมากที่จะไปที่นั่น แต่พ่อแม่ของผมมองว่ามันซับซ้อน และยากมากกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พวกเขาเลยอยากให้ผมสนุกกับฟุตบอลกับเพื่อนแบบเด็กทั่วไปมากกว่า สุดท้ายการไปที่นั่นจึงยังไม่เกิดขึ้น ผ่านมาถึงวันนี้ ผมก็คิดว่ามันก็ไม่รู้เป็นอย่างไร ถ้าผมย้ายไปบอร์กโดซ์ทันทีตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ได้อยู่กับที่บ้านจนกระทั่งอายุ 11 ขวบและค่อยย้ายออกไป”
เส้นทางจาก รูเอน บ้านเกิดของ ชูอาเมนี่ ห่างไกลจากบอร์กโดซ์มากกว่า 600 กิโลเมตร พวกเขาเป็นสโมสรใหญ่แห่งหนึ่งของวงการฟุตบอล ชื่อของยอดนักเตะมากมายผ่านการลงเล่นกับทีมประจำเมืองที่ได้ชื่อว่ามีไร่องุ่น และแหล่งผลิตไวน์ชั้นยอดแห่งหนึ่งของโลก และพวกเขายังคงรอคอยเด็กหนุ่มที่พวกเขาเห็นเมื่อหลายปีก่อนมาทดลอง และพัฒนาตนเองด้วยกัน
“บอร์กโดซ์ คือสโมสรใหญ่ในภูมิภาคนั้น พวกเขาเป็นเหมือนกับหลักสำคัญของวงการฟุตบอล และยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่เราได้เห็นทีมบอร์กโดซ์ เราจะได้เห็นทีมที่ใส่ชุดวอร์มสีกรมท่า–ขาว กระเป๋าเป้ที่เป็นสีของสโมสร เดินออกมาอย่างภาคภูมิใจ นี่คือสโมสรแห่งประวัติศาสตร์ฟุตบอล ในวันที่ผมเซ็นสัญญากับบอร์กโดซ์ ผมเต็มไปด้วยความรู้สึกแบบนั้น ไม่มีความกดดัน ไม่มีความคาดหวังอะไรทั้งสิ้น มีแต่ความสุข ผมในวัย 11 ปี คิดแค่ว่าสักวันผมจะเล่นให้บอร์กโดซ์ ลงเล่นในลีก เอิง และเจอกับยอดทีมทั่วโลก”
หลังจากลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของบอร์กโดซ์นานถึง 2 ปี ชูอาเมนี่ ในฐานะของกลางตัวรับ หน้าแนวรับของทีม ที่สามารถเป็นเหมือนไดนาโมของทีมในฐานะของ Box-to-Box ที่แข็งแกร่ง เขาเติบโตขึ้นทั้งด้วยเรื่องของประสบการณ์ และสรีระเจ้าของความสูง 187 เซนติเมตร เขากลายเป็นหนึ่งจอมแย่งบอลที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งคนหนึ่งในลีก เอิง และก้าวไปสู่ทีมชาติฝรั่งเศสชุดอายต่ำกว่า 21 ปี ในเวลาต่อมา
อาแอส โมนาโก ติดตามผลงานของเขามาสองปีเต็ม และตัดสินใจยื่นข้อเสนอซื้อเขามาร่วมงานด้วย ภายใต้แนวคิด “Young and talented Player” ของโมนาโก พวกเขามองหาเด็กหนุ่มความสามารถดีมาเสริมแกร่งให้กับทีม เพื่อสู้ศึกใหญ่ในลีก เอิง และแน่นอนเพื่อความสำเร็จของพวกเขาแบบที่เคยทำได้ในฤดูกาล 2016-2017 ที่เคยไปถึงแชมป์ ลีก เอิง ด้วยเหล่านักเตะเยาวชนขั้นเทพของพวกเขามาแล้ว และ ชูอาเมนี่ คือหนึ่งในนั้น กับเจ้าของเสื้อหมายเลข 24 ของสโมสรแห่งนี้ ที่ต่อมาเขาคือคนสำคัญที่หลายสโมสรทั่วโลกอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม
โปรดติดตามตอนต่อไป
Copyright © 2019 UFA6556 แทงบอลออนไลน์ มั่นคง ปลอดภัย อันดับหนึ่งเมืองไทย | All right reserved.