ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

ย้อนรอย 20 ปี ดีลประวัติศาสตร์ โซล แคมป์เบลล์

     เมื่อวานเป็นวันครบรอบ 20 ปี ดีลประวัติศาสตร์ของสโมสร อาร์เซนอล กับการเซ็นสัญญา โซล แคมป์เบลล์ เข้าร่วมทีม อาร์เซนอล จาก สเปอร์ส ในแบบไม่มีค่าตัว เป็นการย้ายทีมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย

 

  • เขาคือ นักเตะ สเปอร์ส ที่ย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล อริหมายเลขหนึ่งของทีม
  • เขาคือ กัปตันทีม สเปอร์ส คนแรกและคนเดียวที่ย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล
  • เขาคือ นักเตะ ที่ย้ายไป “ไร้พ่าย” กับ อาร์เซนอล ในฤดูกาล 2003-2004
  • เขาคือ นักเตะ คนแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษที่มีค่าเหนื่อย 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

 

     และวันนี้เราจะมาพูดคุยกัน กับเบื้องหลังของดีลที่น่าสนใจนี้ ดีลที่แม้กระทั่งสื่อยังไม่รู้เรื่องจนถึงวันเปิดตัว ดีลที่คงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อทุกวันนี้ โลกของเรา ข่าวสารรวดเร็วเกินกว่าจะปิดบังใครได้อีกต่อไป โดยเฉพาะมันคือข่าวของการย้ายทีม

โซล แคมป์เบลล์ “ซูเปอร์โซล”

     “ผมสามารถเขียนเป็นหนังสือได้เลยล่ะเกี่ยวกับเรื่องของการย้ายทีม แต่หนึ่งในการย้ายทีมที่ผมไม่มีวันลืมคือการที่ โซล แคมป์เบลล์ ย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล” อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าว

 

     “สำหรับผมทราบดีว่า ช่วงอายุที่ดีที่สุดของกองหลังมักเริ่มต้นที่ 26 ปี และเขาคือหนึ่งในกองหลังทีดี่ที่สุดคนหนึ่ง การเซ็นสัญญากับ นักเตะ ระดับเขาในแบบไม่มีค่าตัว คือโอกาสที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”

 

     โซล แคมป์เบลล์ “ซูเปอร์โซล” ณ เวลานั้นอายุใกล้จะครบ 27 ปี อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของตัวเอง เป็นกองหลังตัวหลักทีมชาติอังกฤษ และเป็นกัปตันทีมของสเปอร์ส สโมสรที่เขาอยู่มาตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี ดังนั้นการเลือกไม่ต่อสัญญาใหม่ของเขา นอกจากจะสร้างความผิดหวังให้กับสาวก “ไก่เดือยทอง” แล้ว มันยังเป็นการย้ายทีมที่หลายคนรอติดตามว่าเขาจะย้ายไปที่ไหน โดยเชื่อกันว่าเขาจะย้ายไปเล่นในต่างประเทศ ซึ่งหากเขายังมีสัญญาผูกผันกับสโมสร สเปอร์ส อยู่ มีการประเมินราคาค่าตัวว่าเขาน่าจะมีค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์

 

     อาร์เซนอล ในฤดูกาล 2000-2001 จบลงด้วยความผิดหวัง พวกเขา “มือเปล่า” เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน และนั่นทำให้การปรับจูนทีมครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้น การจากไป สตีฟ โบลด์ ในปี 1999 เปิดช่องว่างให้กับแนวรับ ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ดันไปเลือก อิกอร์ สเตปานอฟ ปราการหลังทีมชาติลัตเวีย เข้ามาเสริมทีม และแน่นอน ดีลนี้แม้จะค่าตัวถูกเพียงใดมันก็ไม่คุ้มค่า ส่วน โทนี่ อดัมส์ และ มาร์ติน คีโอวน์ ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาอีกแล้ว แม้ว่าจะมีหัวใจแห่งนักสู้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่สภาพร่างกายก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

     มันเป็นเวลามากกว่า 5 สัปดาห์ หลังการประกาศไม่ต่อสัญญาใหม่กับ สเปอร์ส พร้อมกับข้อเสนอมากมายจากต่างประเทศทั้ง บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน หรือกระทั่ง ลิเวอร์พูล ก็พร้อมนำเขาไปร่วมงานด้วย แต่ทั้งหมดไม่สามารถเอาชนะใจเขาได้ ยกเว้น อาร์เซนอล ที่สนใจเขาเช่นกัน

 

     “การย้ายทีมของผมก่อนย้ายไป อาร์เซนอล มีข้อเสนอจาก อินเตอร์ มิลาน เข้ามา ผมยอมรับว่าถ้าเป็น เอซี มิลาน ผมจะรับข้อเสนออย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าตัวเองจะย้ายไปเล่นในต่างประเทศ 5 ปี และกลับมาเล่นในอังกฤษอีกครั้ง แต่พอผมไปถึงสนามซ้อมแล้ว ผมรู้สึกว่าทำไมสนามซ้อมของพวกเขาไม่โอเคเลย ทำไมไม่ปรับปรุงสนาม ในเมื่อพวกเขาซื้อ นักเตะ ระดับโลกเข้ามาสู่ทีมมากมาย แต่กลับละเลยในเรื่องของสนามซ้อม หรือ สนามแข่งขัน”

 

     การเจรจา “ลับ” กับ โซล แคมป์เบลล์ จึงเริ่มต้นขึ้น นำโดย เดวิด ดีน รองประธานสโมสรอาร์เซนอล มีการพูดคุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ถึงการนำ แคมป์เบลล์ มาร่วมงานด้วย ก่อนที่จะเดินเรื่องทั้งหมด เริ่มต้นจากการพูดคุยกับ โซล แคมป์เบลล์ และเอเยนต์ของเขา มาพูดคุยกันที่บ้านของ ดีน โดยมีการนัดหมายกันในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็นพวกเขาทั้งหมดในการเจรจาครั้งนี้ ก่อนที่การเจรจาจะจบลงในเวลาประมาณตี 3 ก่อนที่ แคมป์เบลล์ จะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อนที่สุดท้ายเขาจะเลือกตัดสินใจครั้งใหญ่

 

     “เดวิด ดีน โทรหาผมกลางดึก และบอกว่าสโมสรจำเป็นต้องเตรียมตัวจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว นักเตะใหม่ ในวันพรุ่งนี้ เขาไม่ได้บอกว่าใคร และไม่ได้บอกว่าเป็น ริชาร์ด ไร้ท์ (นายทวารทีมชาติอังกฤษ ของ อิปสวิช ทาวน์ ซึ่งตกเป็นข่าวกับ อาร์เซนอล ณ เวลานั้น) ดังนั้นผมเลยคิดเอาเองว่าน่าจะเป็น ริชาร์ด ไร้ท์ นั่นละ” แดน โธลเฮิร์ต นักเขียนประจำสโมสร อาร์เซนอล กล่าว

การเจรจา “ลับ” กับ โซล แคมป์เบลล์ จึงเริ่มต้นขึ้น

     “เช้าวันนั้นผมต้องการเอาให้ชัวร์ว่าวันนี้เราจะมีการเปิดตัวนักเตะใหม่ คือ ริชาร์ด ไร้ท์ ใช่ไหม ผมกำลังไปถึงสนามซ้อมของทีม ระหว่างนั้นผมก็โทรหา เดวิด ดีน อีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าจะเปิดตัว ไร้ท์ ใช่ไหม ผมจะได้เตรียมเอกสารแถลงข่าวให้เรียบร้อย เขาตอบกลับมาว่า ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเจอกันที่สนามซ้อมของทีม ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องทำงานของ อาร์แซน เวนเกอร์ แล้วให้ผมไปหา และจะประชุมรายละเอียดทั้งหมดที่นั่น”

 

     “พอผมไปถึงที่ห้องทำงานของ อาร์แซน เปิดประตูเข้าไป ผมได้พบกับ เดวิด ดีน และ อาร์แซน อยู่ในห้องนั้น ดีน ทักทายผม พร้อมผายมือแนะนำว่า นี่คือ สกาย แอนดรูว์ เป็นเอเยนต์ของนักเตะ และนี่คือนักเตะที่เราจะเปิดตัวนี่คือ โซล แคมป์เบลล์…ผมไม่เคยลืมช่วงเวลานั้นเลย เพราะไม่กี่วินาทีต่อมา อาร์แซน ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะก็ยิ้มออกมาแล้วบอกผมว่า “วันนี้ผมคิดว่าคุณคงยุ่งน่าดูเลยล่ะ” ส่วนผมซึ่งยืนข้าง โซล แคมป์เบลล์ ผมหันไปบอกเขาว่า ผมคิดว่าคุณจะเป็น ริชาร์ด ไรท์ เสียอีก เขาตอบกลับมาว่า โทษทีนะเพื่อน ผมเล่นตำแหน่งนายทวารไม่เป็น”

 

     “ผมจำได้ว่า ผมได้โทรหาช่างภาพหลายคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมโทรหาพวกเขาแล้วบอกว่า ผมทราบว่าจะมีการเปิดตัวนักเตะใหม่วันนี้ที่สนามซ้อม ลอนดอน โคลนีย์ สนใจจะมาถ่ายภาพด้วยกันไหม คำตอบที่ผมได้รับคือ พวกเขาไม่สนใจ เพราะพวกเขาบอกว่า ริชาร์ด ไร้ท์ ไม่ใช่คนที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้น มันไม่ใช่ดีลใหญ่ ตอนแรกผมเองก็คิดว่า ผมจะไปถ่ายภาพเปิดตัวของ ไร้ท์ ในวันนั้นเหมือนกัน” สจ๊วต แมคฟาร์เลน ช่างภาพของสโมสร อาร์เซนอล กล่าว

 

     “เราเดินจากห้องทำงานของ อาร์แซน มายังห้องแถลงข่าวโดยเดินเข้ามาทางด้านหลังฉาก ที่ด้านหน้ามีนักข่าวน่าจะประมาณ 10 คน และช่องทีวีที่รอมาถ่ายงานสัก 2-3 ช่อง พอพวกเขาเห็น โซล แคมป์เบลล์ เท่านั้นละ พวกเขาตื่นเต้น คว้าโทรศัพท์กันให้วุ่นวายเลย พวกเขาทุกคนต่างคิดว่าวันนี้ อาร์เซนอล จะเปิดตัว ริชาร์ด ไร้ท์ แต่นี่คือ โซล แคมป์เบลล์”

 

     “เดวิด ดีน (อดีตรองประธานสโมสรอาร์เซนอล) มีส่วนอย่างมากในการย้ายทีมของผม เขาทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยกับการย้ายทีมครั้งนี้ และสุดท้ายการย้ายทีมก็เกิดขึ้น ผมฝันถึงการอยากลงเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุด นั่นคือเหตุผลของการย้ายมาที่นี่” แคมป์เบลล์ กล่าว

 

     “ผมเซ็นสัญญากับ อาร์เซนอล ผมเลือกพวกเขา และผมหวังว่าผมจะได้รับความเคารพจากการตัดสินใจนี้ แน่นอนผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ จอร์จ เกรแฮม (อดีตนักเตะ และผู้จัดการทีม อาร์เซนอล ที่เลือกย้ายไปรับงานคุมทีมสเปอร์ส ในปี 1998 พร้อมกับการเจอด่าเละจากแฟนอาร์เซนอล และไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนสเปอร์ส) ว่าเขาเจอกับอะไรบ้างในการเลือกเส้นทางนี้”

 

     “มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเตรียมใจ และหวังว่ามันจะไม่สร้างปัญหาใหญ่ให้กับผม ผมอยู่กับ สเปอร์ส มานานหลายปี และผมลงเล่นด้วยหัวใจที่ทุ่มเททุกอย่างลงไป เพื่อพาไปทีมอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่มันก็ถึงเวลาที่ในที่สุดผมก็ต้องก้าวต่อไปแล้ว เมื่อผมหมดสัญญาผมก็ตัดสินใจเลือกย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล”

 

     “มันอาจจะยากต่อการตัดสินใจ แต่การลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ต่อไปเป็นเรื่องสำคัญกับผมอย่างมาก สเวน -โกรันน์ อิริคส์สัน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ อยู่ที่นี่ และผมอยากให้เขาเห็นฟอร์มของผมอย่างเต็มที่ในการเล่นที่อังกฤษ ผมอาจจะได้เงินมากกว่านี้ถ้าเลือกย้ายไปเล่นในต่างประเทศ แต่ผมคิดว่าที่นี่ล่ะเหมาะสมแล้ว”

 

     แคมป์เบลล์ ตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับ อาร์เซนอล และนั่นสร้างผลกระทบที่รุนแรง กับแฟนบอลสเปอร์ส เมื่อพวกเขา ต้องเสีย นักเตะ กัปตันทีม ไปให้ อริหมายเลขหนึ่ง ตลอดกาลของพวกเขา ซึ่งการกลับมาที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ครั้งแรกของ แคมป์เบลล์ กลายเป็นเสมือนกับการ “ข่มขู่” จากแฟนบอล สเปอร์ส ด้วยป้ายคำว่า “จูดาส” หลายพันแผ่นทั่วสนาม

การย้ายทีมครั้งนี้ของเขา คุ้มค่าในแง่ของความสำเร็จหรือไม่

     “อาจเพราะพวกเขารักผมมาก บางทีอาจเพราะ สเปอร์ส ไม่ได้ค่าตัวจากการย้ายทีมของผมเลย บางทีอาจเพราะมีบทความที่ผมเคยบอกว่า ผมจะไม่เล่นให้กับอาร์เซนอล ซึ่งผมไม่เคยบอกแบบนั้นเลย”

 

     “ตอนที่ผมกลับไปที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ครั้งแรก มันเป็นบรรยากาศที่ประหลาด และคงมีไม่มีเกมที่จะมีบรรยากาศเช่นนั้น มันคือบรรยากาศที่ไม่มีเหมือนที่ไหนมาก่อน แต่ในแง่ของอารมณ์ มันรุนแรง และเลวร้าย แม้ผมจะคาดเดาไว้แล้วว่าจะเจอกับอะไรบ้าง แต่ที่เจอมันไปไกลกว่านั้นมาก มันเหมือนกับพวกเขาต้องการฆ่าผมให้ตาย ผ่านการแสดงออกของพวกเขา และมันยากมากกับการที่จะผ่านช่วงเวลานั้น”

 

     โซล แคมป์เบลล์ ลงเล่นกับ อาร์เซนอล นาน 5 ฤดูกาล ก่อนย้ายไปเล่นกับ พอร์ทสมัธ โดยเขาออกจาก อาร์เซนอล ด้วยแชมป์พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย เอฟเอ คัพ 3 สมัย 1 แชมป์ไร้พ่าย และเป็นหนึ่งเดียวของ อาร์เซนอล ที่สามารถยิงประตูในเกมรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก

 

เท่านี้ก็บอกได้แล้วว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของเขา คุ้มค่าในแง่ของความสำเร็จหรือไม่

 

Fact:

 

  • โซล แคมป์เบลล์ ไม่ได้เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลกับ สเปอร์ส อย่างที่หลายคนเข้าใจ เข้าเป็นนักเตะเยาวชนของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นทีมแรก ก่อนจะย้ายมาเล่นกับ สเปอร์ส ในปี 1989
  • “โซล” ไม่ใช่ชื่อจริงของ แคมป์เบลล์ โดยเขามีชื่อจริงว่า ซูลเซีย และเขาเกลียดชื่อนี้ของตัวเองมากจนถึงขั้นเปลี่ยนชื่อในที่สุด
  • “ผมไม่ชอบชื่อของตัวเอง ผมเคยคิดว่าทำไมตัวเองไม่มีชื่อแบบ จอห์น, พอล หรือชื่อพื้นฐานทั่วไป ทำไมผมต้องชื่อ ซูลเซีย การเปลี่ยนชื่อของผม เริ่มต้นตอนที่ผมออกทัวร์กับ ทีมเยาวชนของ ทีมชาติอังกฤษ และมีการสะกดชื่อผมผิด ดังนั้นผมเลยถือถือโอกาสเปลี่ยนชื่อไปมาเป็น โซล นับจากนั้นมาก็ใช้ชื่อนี้มาตลอด”
  • นับจาก โซล แคมป์เบลล์ ย้ายออกจาก อาร์เซนอล ไม่มีนักเตะชุดใหญ่คนไหนของ สเปอร์ส ย้ายมา อาร์เซนอล แบบ “โดยตรง” อีกเลย ขณะที่ วิลเลี่ยม กัลลาส คือ นักเตะชุดใหญ่คนล่าสุดที่ย้ายจาก อาร์เซนอล สู่ สเปอร์ส และเป็นการย้ายทีมในแบบไม่มีค่าตัวเช่นกัน แต่ ณ เวลานั้น กัลลาส อยู่ในช่วงท้ายอาชีพการค้าแข้งแล้วด้วยวัย 33 ปี
  • การย้ายทีมระหว่าง อาร์เซนอล – สเปอร์ส เป็นเรื่องที่ “อย่าหาทำ” สำหรับใครสักคนที่ไม่ต้องการโดนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกลียดหน้าไปตลอดชีวิต เฉกเช่นเดียวกับ โซล แคมป์เบลล์ ที่ทุกวันนี้ เขายังคงคือ คนทรยศ จากแฟนบอลสเปอร์สเสมอ แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมานานถึง 20 ปีแล้วก็ตาม
Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้