ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

มาร์ติเนลลี่ : ชีวิตต้องสู้ของเด็กหนุ่มจาก เซา เปาโล Part 3

     การเจรจาระหว่างสองสโมสรเสร็จสิ้นลงพร้อมกับการคอนเฟิร์มจากคาจิเกาที่บินไปคุยกับนักเตะโดยตรงถึงบราซิลยืนยันว่าเด็กคนนี้พร้อมแล้วกับการเล่นฟุตบอลในยุโรปอย่างไรก็ตามก็ยังมีประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวที่ต้องจัดการนั่นคือการที่นักเตะและครอบครัวต้องการที่จะย้ายมาใช้ชีวิตในลอนดอนด้วยกันและเรื่องนี้เอดูกาสปาร์ณเวลานั้นเป็นเพียงผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสโมสรช่วยเหลือในการติดต่อและจัดการในเรื่องนี้ให้โดยจัดหาบ้านให้กับครอบครัวของเขาซึ่งมาร์ติเนลลี่อาศัยอยู่กับแม่ของเขาที่ลอนดอน

 

     “เอดูเข้ามามีส่วนร่วมกับการย้ายทีมครั้งนี้ ผมเคยรู้จักเขามาบ้างสมัยที่เขาทำงานกับ โครินเธียนส์ ซึ่งผมเล่นกับที่นั่นในระดับเยาวชน และรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จกับทีม รวมถึงกับทีมชาติบราซิล ซึ่งผมก็อยากทำให้ได้แบบที่เขาทำได้มาก่อนเช่นกัน

 

     แม้ว่าการย้ายมาของ มาร์ติเนลลี่ จะเป็นที่พอใจ และเชื่อมั่นจากทีมงานของ อาร์เซนอล รวมถึง อูไน อเมรี่ เฮดโค้ชอาร์เซนอล ณ เวลานั้น ที่ซึ่งได้รับเขามาสู่ทีม (ในช่วงปี 2018-2020 เป็นช่วงที่อาร์เซนอล ใช้ระบบเฮดโค้ช และมีการแยกการทำงานในสนามให้กับ เฮดโค้ช ส่วนการซื้อขายเป็นหน้าที่ของทีมงานแยกกันชัดเจน จนกระทั่งมีการปรับเปลี่ยนให้ เฮดโค้ช เข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขายด้วยหลังจากที่ มิเคล อาร์เตต้า พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ) ท่ามกลางกับคำถามจากแฟนบอลที่ ณ เวลานั้น ไม่รู้จักว่าเด็กวัย 17 ปี คนนี้คือใคร และหลายคนเชื่อว่า มาร์ติเนลลี่ จะเริ่มต้นกับทีมเยาวชนของสโมสรเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม อูไน อเมรี่ ตัดสินใจเลือกเขาติดทีมไปร่วม pre-season ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนเข้าฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสในการก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรโดยตรง และเขาก็ลดแรงกดดันให้กับตนเองได้ทันที เมื่อยิงประตูแรกของเขาตั้งแต่เกมแรกของการทัวร์ในเกมที่เอาชนะ โคโลราโด้ ราปิดส์ และมีส่วนร่วมกับทุกเกมที่เหลือต่อจากนั้น

 

     “เขาน่าประทับใจมากสำหรับเรา ทุกการซ้อมของเขาทำให้ผมเห็นว่าเขากระหายในการที่จะได้ลงเล่น เขาต้องการลงเล่นมากจนบางครั้งผมต้องบอกให้เขาใจเย็นลงหน่อย เพราะโอกาสจะมาถึงเขาอีกแน่

เขาลงเล่นกับทีมหลายตำแหน่งมาก ผมก็ลองใช้งานเขาในหลายรูปแบบ

     “เขาลงเล่นกับทีมหลายตำแหน่งมาก ผมก็ลองใช้งานเขาในหลายรูปแบบ ผมเลือกให้เขาลงเล่นกองหน้าเพราะเขาเคยเล่นมาก่อนสมัยเล่นในบราซิล แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุด และเขาก็อยากเล่นริมเส้นที่เขาก็เล่นได้ทั้งสองฝั่ง สิ่งสำคัญสำหรับผมคือ เขาอยากลงเล่น และเขาทำให้เราเห็นว่าเขาพยายามเต็มที่กับทีมมากเพื่อโอกาสของเขาเอง สำหรับผมเขาเป็นนักสู้” –อูไน อเมรี่ กล่าว

 

     อูไน อเมรี่ เลือกใช้งานเขา โดยเลือกจากความต้องการของผู้เล่น และมุมมองของเขาในฐานะของโค้ชประกอบกัน และ มาร์ติเนลลี่ ยังคงไม่ลืมถึงโอกาส และความช่วยเหลือจากอดีตนายใหญ่อาร์เซนอล โค้ชคนแรกของเขาในเวทีฟุตบอลยุโรป

 

     “ตอนผมเซ็นสัญญากับ อาร์เซนอล ผมถูกเซ็นสัญญาเข้ามาในฐานะของนักเตะระดับทีมสำรอง แต่ลงซ้อมกับทีมชุดใหญ่ หลังจากนั้นก็ออกทัวร์ไปกับทีมโดยที่ไม่ได้ลงเล่นในทีมสำรองเลย ระหว่างนั้นผมก็ได้เรียนรู้เกมมากขึ้น ฟุตบอลบราซิล กับ อังกฤษมีความแตกต่างกันมาก ๆ การเข้าปะทะ และความเร็วต่างกันมาก แต่ผมคิดว่าผมเอาอยู่ แม้ว่ามันจะยากกว่าเดิมมากก็ตาม ยากแม้กระทั่งในการซ้อมที่เล่นกันอย่างจริงจัง ผมรักกับสิ่งที่เป็นอยู่

 

     “ปัญหาใหญ่ที่สุดของผมนอกจากฟุตบอลก็คือ ภาษา ผมไม่สามารถพูดอังกฤษได้เลยนอกจากสวัสดี” (Hi) และขอบคุณ” (Thank You) เท่านั้น ผมต้องลงเรียนคอร์สภาษานานเลยล่ะ พอมีช่วงหนึ่งที่บาดเจ็บผมก็มีเวลามากขึ้น ได้เรียนได้ใช้ภาษามากขึ้นในการคุยกับ นักกายภาพบำบัดของทีม และก็คุยกับ ดาวิด ลุยซ์ บ่อยมากในช่วงแรก อีกคนคือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เขาช่วยเหลือผมเยอะมาก คอยบอกผมว่า โค้ชว่าอย่างไร ผมต้องทำอะไรบ้าง พอต่อมา วิลเลี่ยน และ กาเบรียล ย้ายเข้ามาทุกอย่างมันก็ยิ่งง่ายขึ้น

 

     “เกมแรกของผมในพรีเมียร์ ลีก มันน่าตื่นเต้นมาก วันแรกที่ผมมาอาร์เซนอล ผมเจอกับเพื่อนร่วมทีมที่เมื่อก่อนผมจะได้เจอกับพวกเขาในโทรทัศน์ ไม่ก็เวลาเล่นเพลย์สเตชั่นเท่านั้น การลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก อูไน อเมรี่ สำคัญสำหรับผมมาก เขาให้โอกาสผมพูดกับผมเยอะมาก เช่นเดียวกับผู้ช่วยของเขา กระตุ้นให้ผมมั่นใจในตัวเอง หลังจบเกมพวกเขามากอดแสดงความดีใจกับผม และบอกว่าทำได้ดี จงมีสมาธิต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมไม่เคยลืม และผมยังรู้สึกขอบคุณเขาอยู่เสมอมา

การเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรอาร์เซนอลที่แสนวุ่นวาย

     อย่างไรก็ตามเพียง 5 เดือนเท่านั้นที่ มาร์ติเนลลี่ และ อูไน อเมรี่ ได้ทำงานร่วมกัน การเปลี่ยนแปลงโค้ชก็เกิดขึ้น มิเคล อาร์เตต้า อดีตกองกลางอาร์เซนอล คือผู้ได้รับเลือกให้เป็นนายใหญ่คนใหม่ของสโมสร พร้อมกับการที่ยังคงให้โอกาสกับ นักเตะ ดาวรุ่งเข้ามาในทีม และ มาร์ติเนลลี่ ยังคงเป็นหนึ่งในนั้น กับฤดูกาลที่สับสนวุ่นวายที่สุดฤดูกาลหนึ่งของฟุตบอล

 

     การเปลี่ยนแปลงภายในสโมสรอาร์เซนอลที่แสนวุ่นวาย แต่ยังเป็นเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั้งโลกต้องทรมานกับการต่อสู้กับโรคภัยชนิดใหม่ที่คนทั้งโลกไม่รู้จัก และต้องเรียนรู้ไปกับมัน ในขณะที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่ถึงเดือน มาร์ติเนลลี่ เพิ่งยิงประตูที่หลายคนยังคงจดจำได้กับการยิงประตู ที่มาจากการโซโล่เดี่ยวเกินครึ่งสนามในเกมเสมอกับ เชลซี 2-2 ที่หลายคนบอกว่ามาร์ติเนลลี่ มาพร้อมกับโชคดีเมื่อ เอนโกโล่ กองเต้ ลื่นล้มในจังหวะเตรียมเข้าสกัดบอลจากเขา

 

     “ผมคิดว่าผมย้อนดูประตูนี้เป็นล้านครั้งได้แล้วมั้ง มีคนถามว่าผมเห็น กองเต้ อยู่ด้านหน้าผมไหมตอนผมแตะบอล ผมเห็นแต่ผมก็ต้องการเอาชนะให้ได้ ผมเชื่อมั่นในตัวเอง พอผมผ่านเขามาได้ ผมก็มีความคิดที่จะยิงประตูเท่านั้นไม่ได้คิดจะส่งบอลนี้ให้ใคร ตอนระหว่างที่ผมวิ่งไปหาประตู มันเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด แต่มันคือส่วนที่มาจากการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา เมื่ออยู่ต่อหน้านายทวาร คุณต้องใจเย็นที่สุด  ผมฝึกจังหวะแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ลงเล่นกับ โครินเธียนส์ และ อิตัวร์โน่ หนึ่งในคนที่สอนผมคือ เซ เซร์จิโอ เขาบอกผมตลอดเวลาว่า จงเลี้ยงบอลให้ดี ยิงประตูให้ดี และจงเป็นตัวของตัวเอง

ฤดูกาลแรกของ มาร์ติเนลลี่

     ฤดูกาลแรกของ มาร์ติเนลลี่ น่าจะเป็นฤดูกาลที่สวยงามสำหรับเขา แต่แล้วอาการบาดเจ็บหัวเข่าช่วงท้ายฤดูกาลก็มาพรากมันไป เขาต้องพักยาว แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 มาคั่นกลางก็ตาม แต่อาการบาดเจ็บก็ไม่ยอมให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในเกม เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่เขาเป็นเพียงผู้ชมในเกมนั้น ซึ่งจุดเริ่มมันเกิดจากคำว่าไม่น่าเป็นอะไรที่กลายเป็นอะไรที่ใหญ่มากสำหรับเขาในวัยเพียง 19 ปี ณ เวลานั้น

 

     “อาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่เลวร้าย และมันเริ่มต้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ในการซ้อมวันหนึ่ง ผมรู้สึกเจ็บหัวเข่าเล็กน้อย ตอนสัมผัสบอล แต่ผมก็ยังไม่คิดอะไรนอกจากลงซ้อมต่อไป พอจบการซ้อม ผมก็บอกกับทีมงานว่าผมรู้สึกเจ็บหัวเข่านิดหน่อย ทีมงานก็บอกว่าให้ผมลองพักดูก่อน ถ้าพรุ่งนี้ยังรู้สึกว่าเจ็บอยู่ให้มาบอกทันที

 

     “เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้น ผมยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เดินได้ปกติ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่มันเป็นความรู้สึกเจ็บที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน พอผมไปถึงสนามซ้อม ผมคุยกับทีมแพทย์พวกเขาทำการสแกนหัวเข่าของผม พวกเขาบอกว่ามันดูไม่ดีเลยนะ กระดูกอ่อนที่หัวเข่าซ้ายมีรอยฉีกขาด และผมต้องผ่าตัด

 

ผมน้ำตาไหลออกมาทันที และมันกลายเป็นการร้องไห้ไม่หยุดอยู่หลายนาที

 

ชีวิตนักฟุตบอลด้านที่ไม่เคยมีใครปรารถนาจะได้พบ มาร์ติเนลลี่ ได้พบกับมันเรียบร้อยแล้ว

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้